หากท่านเกิดทันเมื่อสัก 400 ปีก่อน ในรัชการของพระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส กษัตริย์พระองค์นี้ทรงโปรดเสวยพืชหัวเล็กสีขาวแต่กลิ่นแรงนี้เป็นยิ่งนัก ด้วยทรงถือว่ามีสรรพคุณเช่นเดียวกันแมลงวันสเปนนั่นคือ โด๊ปทำให้กระชุ่มกระชวยได้จากฤทธิ์เผ็ดร้อนของมัน พืชหัวเล็กที่ว่านี้คือ "กระเทียม" นั่นเอง

พระเจ้าอองรีที่ 4 เสวยจนข้าราชบริพารร่ำลือว่ากลิ่นลมหายใจของพระองค์นั้นสามารถล้มวัวหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปถึง 10 ก้าวได้ แต่บรรดาสาวสรรกำนัลในคงไม่กล้าแสดงกิริยาใด ๆ มากนัก คงต้องยอมแทบล้มประดาตายกันไปทุกวันพร้อมกับสาปแช่งเจ้าพืชหัวน้อยนี้

หรือในสมัยมหาพีระมิดที่รุ่งเรืองแห่งกีซ่า องค์ฟาโรห์ผู้โปรดปรานกระเทียมเคยใช้พระราชทรัพย์เป็นทองคำถึง 90 ตัน เพื่อซื้อกระเทียมจำนวนมหาศาล ส่งผลกระทบต่อค่าแรงคนงานสร้างพีระมิดจนต้องลดจำนวนคนงานลงแล้วจ่ายกระเทียมแทนค่าแรง ลองนึกดูว่าปลายเดือนเราได้กระเทรยมแทนเงินเดือนและพอสิ้นปีก็ยังได้โบนัสเป็นกระเทียมอีก จึงไม่แปลกที่จะทำให้เกิดการจลาจลย่อย  ขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อน   นับเป็นเหตุวุ่นวายที่มีต้นเหตุจากกระเทียมเป็นครั้งแรกในโลก

ส่วนคนอังกฤษนั้นแต่ก่อนก็ไม่ค่อยชื่นชมเครื่องเทศกลิ่นแรงนี้เอาเสียเลยจนเมื่อมีชวนฝรั่งเศสจากบริตตานีส่งกระเทียมและหอมเข้าไปขายพร้อมทั้งเขีนตำราทำอาหารฝรั่งเศสที่ใส่หอม กระเทียมลงไปด้วยทำให้ชาวอังกฤษผู้ชินชากับปลาและมันทอดเริ่มเปลี่ยนใจอยากลองของหรูดูบ้าง นับแต่นั้นกระเทียมกับหอมฝรั่งเศสก็เลยเข้าตีตลาดอังกฤษมาได้จนถึงปัจจุบัน

ฤทธิ์กระเทียม หัวหอมถนอนผิว
อาหารหลายอย่างในโลกที่มีกลิ่นแรงจะถือเป็นอาหารชั้นล่าง ในยุโรปใต้ชื่นชอบกลิ่นกระเทียมกันมาก อย่างถ้าใครมีเืพื่อนเป็นชาวอิตาลีคงทราบดีถึงจารีตการใส่กระเทียมลงไปในอาหารแทบจะทุกสิ่งสรร ทั้งสปาเกตตี, ขนมปังกระเทียม, ผัดมะเขือยาวและีอีกมาก ผิดกับชาวยุโรปเหนือที่ไม่ใคร่จะยอมใส่นักด้วยขยาดกับกลิ่นร้านกาจของมันและก็พลอยมองชาวอิตาเลียนว่าเป็นพวกตัวเล็กกลิ่นตัวเหม็นเพราะกินกระเทียมกัน

จริง ๆ แล้วอยู่ที่กลิ่นนี่เอง กระเทียมกับหัวหอมมีฤทธิ์ต้านชราได้ก็ด้วยกลิ่นของมันนี่เอง ฉะนั้นสิ่งใดที่สกัดออกไปแล้วก็ต้องคอยดูให้ดีด้วยนะครับ่า เขาสกัดเอากลิ่นออกไปด้วยหรือเปล่า เพราะกลิ่นฉุนของกระเทียมนี้มาจาก "กำมะถัน"

พืชทุกชนิดที่มีกำมะถันจะมีกลิ่นแรงเฉพาะตัว ให้นึกถึงทุเรียน, ต้นหอม, ต้นกระเทียม,สะตอ, หน่อไม้ฝรั่ง ฯลฯ  เหล่านี้มีกลิ่นที่ดุเดือด นั่นก็เพราะมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ และกำมะถันนี้เองที่ช่วยล้างพิษ ฆ่าเชื้อ(ชาวโรมันใช้ยัดไว้ในรองเท้าแตะเพื่อกันเท้าอักเสบและดับกลิ่น) ที่สำคัญกำมะถันยังช่วยถนอมผิวให้สวยได้ ดูอย่างน้ำพุร้อนกำมะถันที่ชาวโลกนิยมไปแช่กันที่ว่ารักษาโรคได้ก็เคยมีผู้เก็บตัวอย่างองน้ำมาแยกธาตุแล้วพบว่ามี "กำมะถัน" มากเป็นพิเศษนั่นเอง

ที่มา : หนังสือคู่สร้างคู่สม ประจำวันที่ 1-10 กรกฎาคม 2553

เขียนโดย paphada วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

ลูกพลับญี่ปุ่น เพื่อสุขภาพ ได้ชื่อว่าเป็น "เพชรสีน้ำเงินแห่งผลไม้" อุเมะ (ลูกพลับญี่ปุ่น) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกครัวเรือนของคนญี่ปุ่น เป็นผลไม้ที่ช่วยบรรเทาได้ทุกโรค ซึ่งใช้กันมานานกว่า 100 ปีแล้ว
  • บรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอาการปวดกระเพาะ และปวดท้อง อาหารไม่ย่อย มีแก๊สมาก
  • ระงับอาการท้องผูกและท้องอืด
  • ลดอาการร้อน หรืออาหารไม่ย่อยที่เกิดจากการรับประทานทุเรียน เงาะ ขนุน และอาหารทอด หรืออาหารรสจัดมากเกินไป
  • ปกป้องตับและลดอาการข้างเคียงจากการดื่มแอลกอฮอล์
อุเมะ เสมือนยาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ใช้บำบัดโรคทุกชนิด

มีการใช้อุเมะมานานนับหลายศตวรรษตั้งแต่ยุคเฮอัน (พ.ศ.1517-1735) ระหว่างสงครามศักดินาแห่งยุคคามากุระ (พ.ศ.1735-1876) นักรบซามูไรรับประทานอุเมะเวลาอ่อนล้าก่อนมีการค้นพบเพนนิซิลินในปี พ.ศ.2471 มีการใช้อุเมะเป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติในสงคราม รัสเซีย-ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะ ในเสบียงของกองทัพแห่งองค์พระจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นมีอุเมะทานเป็นเสมือนยาป้องกันอาหารเป็นพิษจากน้ำและช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น อันที่จริงอุเมะเป็นที่ยอมรับอย่างสูง จนมีคำกล่าวเก่าแก่ในภาษาญี่ปุ่นว่า "เวลามีทารกเกิดใหม่หนึ่งคนให้ปลูกอุเมะสองต้น"

ไม่มีสภาพร่างกายแบบเป็นกรดอีกต่อไป
อาการป่วย การรับประทานยา นิสัยการกินที่ไม่ดี สารเติมแต่งอาหาร ออกกำลังมากเกินไป และการบริโภคเนื้อ น้ำตาล คาร์โบไฮเดรตขัดขาว กาแฟและน้ำชามากเกินไปก่อให้เกิดการสะสมกรดแลคติก เมื่อมีกรดแลคติกมากเกินทำให้ร่างกายมีสภาพที่เป็นกรดเพิ่มขึ้น นำไปสู่อาการเหนื่อยบ่อยๆ การเผาผลาญอาหารไม่ดี หงุดหงิด ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ แก่ก่อนวัย อัตราการเผาผลาญอาหารไม่ดีและน้ำหนักเพิ่ม อุเมะซึ่งนิยมเรียกกันว่า "ราชาแห่งอาหารที่มีสภาพเป็นด่าง" จะช่วยย่อยและขจัดกรดแลคติกไม่ให้สะสมในร่างกาย ทำให้ค่า pH ในเลือดเป็นปกติ เสริมสุขภาพและกำลัง ทั้งยังป้องกันการแก่ก่อนวัย

ระบบย่อยอาหารสมบูรณ์ขึ้น
สารคาเตชินในผลอุเมะปกป้องทางเิดินอาหารจากจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรค และช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดี ทำให้ลำไส้และการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการไม่สบายในกระเพาะและอากรปวดท้อง อาหารไม่ย่อยและมีแก็ซเกิน อุเมะช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและอาการอาหารเป็นพิษอย่างอ่อน เช่น ท้องเสียและอาเจียร

ระบบต้านทานของร่างกายแข็งแรง
มีการใช้ผลอุเมะแบบดั้งเดิมอีกอย่างหนึ่งใช้สรรพคุณด้านปฏิชีวนะตามธรรมชาติ ในการทำให้ร่างกายมีแรงต้านทานต่อการไอ ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา อาการไข้และเจ็บคอโดยที่ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย

เหมาะสุดต่อการควบคุมน้ำหนัก
ตับที่ทำงานหนักเกินไปไม่สามารถควบคุมการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลให้ไขมันสะสมไว้จนเกิดลักษณะลงพุง อุเมะกระตุ้นให้ตับจำจัดสารพิษและเสริมการทำงานของตับ อุเมะยังทำให้ระบบการเผาผลาญที่เฉื่อยชาให้ขยันขึ้น เร่งการเผาไหม้ไขมันส่วนเกินในร่างกายและลดการกักน้ำเพื่อรักษาน้ำหนักร่างกายให้เหมาะสม

ดูดซึมแคลเซี่ยมและเหล็กได้ดีขึ้น
อุเมะปรับการดูดซึมธาตุเหล็กให้ดีขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสตรีระยะมีประจำเดือนและระยะตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซี่ยมได้มากขึ้น กระดูกและฟันจึงแข็งแรกขึ้น

เขียนโดย paphada วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

Subscribe here